ได้ภรรยาถึง 6 คน
คนแรก นางบุษมาลี
เมื่อหนุมาน ชมพูพาน และองคต จะเดินทางไปกรงลงกาเพื่อสืบข่าวนางสีดา ระหว่างทางไปเจอเมืองเมืองหนึ่ง ตั้งอยู่กลางป่า ไม่มีทหารอยู่เลย หนุมานแปลกใจจึงขอเข้าไปดู ก็ได้พบกับ “นางบุษมาลี” นาง ฟ้าที่พระอินทร์สาปให้มาอยู่ในเมืองนี้แต่เพียงผู้เดียว สาเหตุเพราะนางดันไปเป็นแม่สื่อแม่ชักให้แก่นางสนมของพระอินทร์กับท้าวตา วัน โดยนางบุษมาลีจะพ้นจากคำสาปได้ก็ต่อเมื่อทหารเอกของพระรามที่หาวเป็นดาว เป็นเดือนโยนนางกลับขึ้นไปบนท้องฟ้าส่งนางไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เมื่อหนุมานได้เจอนางบุษมาลีก็นึกรัก มีใจปฏิพัทธ์ต่อนางทันที ดังนั้นเมื่อสอบถามจนรู้ความ ก่อนจะโยนนางกลับขึ้นสวรรค์ หนุมานก็ได้นางเป็นเมียเสียก่อน แต่ถึงจะรักนางบุษมาลี หนุมานก็ไม่ยอมให้เรื่องผู้หญิงทำให้เสียงาน และก็ไม่ลือสัญญาที่จะส่งนางกลับขึ้นสวรรค์
รักแรกของหนุมานกับนางฟ้าก็เป็นรักที่แสนสั้น และไม่ได้มีลูกด้วยกัน
ทศกัณฐ์ลักพาตัวนางสีดามาแล้วก็ว่างแผ่นที่จะให้พระรามเลิกตามนางสีดา จึงให้ “นางเบญกาย” หลานสาวซึ่งเป็นลูกของพิเภกแปลงกายเป็นนางสีดา ตายลอยน้ำมา ทำให้พระรามที่ได้พบศพเสียใจมาก แต่หนุมานผู้มีปฏิภาณดีมาก สังเกตเห็นว่าศพนี้ไม่น่าจะใช่นางสีดาตัวจริง จึงให้พิสูจน์ด้วยการเผาร่างนั้น นางเบญกายทนร้อนไม่ไหวก็ปรากฏตัวจริงออกมา พระรามให้พิเภกผู้เป็นพ่อเป็นผู้พิพากษาลงโทษเอง พิเภกให้ประหารชีวิตเพื่อพิสูจน์ความจงรักภักดี แต่พระรามเห็นใจจึงยกโทษให้ และให้หนุมานพากลับไปส่งที่กรุงลงกา
ระหว่างทางหนุมานก็ได้เกี้ยวพาราสีจนได้นางเบญกายเป็นเมียอีกคนและมีลูกด้วยกัน คือ อสุรผัด มีหน้าเป็นลิง ตัวเป็นยักษ์ กว่าหนุมานจะรู้ว่าตนเองมีลูกก็ตอนใกล้จะจบเรื่องแล้ว
ในระหว่างการรบ พระรามสั่งให้จองถนน (สร้างถนน) โดยการนำหินไปทิ้งในมหาสมุทรเพื่อทำเป็นทางไปสู้กรุงลงกา ทศกัณฐ์จึงให้ “นางสุวรรณมัจฉา” ซึ่งเป็นลูกสาวของตนกับนางปลาไปทำลายถนน นางจึงนำบริวารไปทำตามที่ทศกัณฐ์สั่ง สุครีพเห็นว่าหินที่โยนลงไปกลับหายไปจึงให้หนุมานลงไปดูในน้ำ เมื่อรู้ต้นเหตุหนุมานจึงฆ่าบริวารของนางสุวรรณมัจฉาตายไปเป็นจำนวนมาก และจับตัวนางสุวรรณมัจฉาได้
หนุมานเห็นนางหน้าตาสะสวย กิริยามารยาทงดงาม เจรจาก็ฉลาดหลักแหลม เลยเกี้ยวพาราสีจนได้นางเป็นเมียคนที่สาม จึงถือว่าหนุมานเป็นลูกเขยของทศกัณฐ์ไปโดยปริยาย และยังให้นางสุวรรณมัจฉาช่วยขนหินมาสร้างถนนอีกด้วย
หนุมานกับนางสุวรรณมัจฉามีลูกคือ มัจฉานุ ซึ่งกว่าจะได้เจอกับลูก มัจฉานุก็โตแล้ว
คนที่สี่ นางวาริน
มีตอนหนึ่งในรามเกียรติ์ที่วิรุญจำบัง สหายของทศกัณฐ์มาช่วยรบและหนีไปซ่อนตัว หาเท่าไรก็ไม่พบ หนุมานจึงออกตามหา จนไปพบ “นางวาริน” ที่เดิมเป็นนางฟ้าที่มีหน้าที่รักษาโคมไฟในห้องวิมานบนเขาไกรลาส วันหนึ่งนางทำโคมไฟดับจึงถูกพระอิศวรสาปให้มาอยู่ในถ้ำเขาอังกาศ เมื่อบอกที่ซ่อนชองวิรุญจำบังให้แก่หนุมานแล้วจะพ้นคำสาป
ตอนแรกหนุมานปลอมเป็นหนุ่มน้อยเข้าไปถามทาง นางไม่ยอมบอกให้เพราะไม่รู้ว่าเป็นทหารของพระราม หนุมานจึงแสดงตัวและหาวเป็นดาวเป็นเดือนให้ดูนางจึงเชื่อ และหนุมานก็ได้นางวารินเป็นเมียอีกตามเคย เมื่อได้เสียกันแล้วหนุมานก็ตามไปฆ่าวิรุญจำบัง แล้วกลับมาส่งนางวารินขึ้นไปบนเขาไกรลาสดังเดิม
เมียนี้ได้มาเนื่องจากการใช้เล่ห์กล กล่าวคือหนุมานได้ปลอมตัวเป็นทศกัณฐ์ไปทำลายพิธีหุงน้ำทิพย์ที่จะนำไปพรมพวกยักษ์ที่ตายไปแล้วให้ฟื้นขึ้นมาได้ แต่มีเคล็ดว่าผู้ทำพิธีห้ามร่วมประเวณีเป็นอันขาด หนุมานซึ่งได้รับคำสั่งให้มาทำลายพิธีจึงเข้าไปร่วมประเวณีกับ “นางมณโฑ” โดยใช้อุบายปลอมเป็นทศกัณฐ์ไปหลอกนางมณโฑว่าชนะศึกแล้ว ไม่ต้องทำพิธีแล้ว แล้วชวนนางกลับไปปราสาททำทีเป็นคิดถึงเมียขอหลับนอนด้วย เพื่อเป็นการแก้เคล็ดของพิธี
นางมณโฑจึงกลายเป็นเมียคนที่ห้าของหนุมานไปโดยไม่รู้ตัว และหนุมานก็ถือว่าเป็นชู้ของทศกัณฐ์ด้วย
คนที่หก นางสุวรรณกันยุมา
หนุมานแกล้งไปสวามิภักดิ์ต่อทศกัณฐ์ โดยเข้าทางพระโคบุตร อาจารย์ของทศกัณฐ์ เพื่อจะตามหาดวงใจของทศกัณฐ์ที่ถอดเก็บเอาไว้ โดยแกล้งบอกว่าเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานกับพระราม นอกจากไม่ให้รางวัลแล้ว บางทียังถูกกล่าวโทษอีก เลยมาขอพึ่งใบบุญทศกัณฐ์
ทศกัณฐ์ก็หลงเชื่อ และดีใจที่จะได้หนุมานมาช่วยรบ รับหนุมานเป็นลูกบุญธรรม ตั้งให้เป็นรัชทายาทแทนอินทรชิต ลูกชายที่ตายไป พร้อมทั้งยกปราสาทและ “นางสุวรรณกันยุมา” เมียของอินทรชิตให้หนุมานด้วย
นางสุวรรณกันยุมาก็เป็นเมียคนที่หก และเมียคนสุดท้ายของหนุมาน
ถึงแม้หนุมานจะมีเมียหลายคนและแต่ละคนก็ล้วนแต่มีหน้าตาสวยงาม น่าหลงใหลทั้งสิ้น แต่ก็น่าสงสารหนุมาน เพราะได้อยู่ด้วยกันไม่นาน หนุมานก็ต้องไปราชการต่อ และสุดท้ายก็ไม่ได้อยู่กับลูกกับเมียเลยสักคน กว่าจะได้เจอลูกทั้งสองคน คือ อสุรผัด และ มัจฉานุ ก็เมื่อทั้งสองโตแล้วโดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าตนมีลูกกับนางใดบ้าง
ขอขอบคุณเว็บ >> http://my.dek-d.com/somjeed_naa/writer/viewlongc.php?id=318897&chapter=42
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น